คอร์สใหม่!

Image of Teacher Eim คอร์สTenseภาษาอังกฤษ
5/5

คำนามคืออะไร - What are the Different Types of Nouns?

Image What are the Different Types of Nouns? คำนามคืออะไร

Table of Contents

Noun - คำนาม

โพสต์นี้เป็นโพสต์เกี่ยวกับคำนาม คำนามคืออะไร? คำนามคือคำที่ใช้เรียกคนสัตว์ สิ่งของ และสถานที่ หรือเอาไว้ใช้ในการเรียกสิ่งต่างๆรอบตัวเราทั้งที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่าง และก็ยังรวมไปถึงคุณสมบัติและอาการความรู้สึกนึกคิดได้ด้วย

ยกตัวอย่าง

  • คน ยกตัวอย่างเช่น girl boy doctor 
  • สัตว์ ยกตัวอย่างเช่น cat dog bird
  • สิ่งของ ยกตัวอย่างเช่น pencil TV computer
  • สถานที่ ยกตัวอย่างเช่น school hospital temple
Image Definition of Noun and examples

คอร์สใหม่!

Image of Teacher Eim คอร์สTenseภาษาอังกฤษ
5/5

มีข้อควรจำนิดนึงนะคะ ถ้าคำนี้เหล่านั้นมีชื่อเรียกเช่นเด็กผู้หญิงที่ชื่อแนนซี่ เราเรียกเธอด้วยชื่อแต่แนนซี่คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหรือคำว่า girl นั่นเองและถ้าสัตว์เลี้ยงของเรามีชื่อ เช่นสุนัขของเราชื่อมูมู่ก็ถือว่าเป็นคำนามเพราะสิ่งที่เราหมายถึงนั้นคือสัตว์เลี้ยงของเราหรือสุนัขนั่นเองซึ่งจะอยู่ในหมวดคำนาม

จริงๆแล้วคำนามมีมากกว่าแค่ คน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ แต่สำหรับวันนี้ครูอิ๋มนำเฉพาะสิ่งที่เป็นพื้นฐานมาให้ทุกคนได้เรียนรู้กันนะคะ ดังนั้นแค่จำว่ามันคือสิ่งต่างๆรอบตัวเราไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์สิ่งของและสถานที่ แต่ที่นอกเหนือจากนั้นจะเป็นเรื่องของความคิด ความรู้สึก หรือเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง แต่ครั้งหน้าครูอิ๋มจะมาบอกคำอธิบายเกี่ยวกับคำนามเพิ่มเติมกว่าขั้นพื้นฐานก็คอยติดตามกันด้วยนะ 

Image examples of nouns in "I like" sentences.

What do you like?

คือประโยคที่เราสามารถ นำคำนามมาใช้ได้คือการถามว่าคุณชอบอะไร ถ้าเราบอกว่าฉันชอบภาษาอังกฤษคือ I like English เวลาเราจะบอกว่าฉันชอบอะไรให้พูดว่า I like  แล้วตามด้วยสิ่งที่ชอบกิจกรรมที่ชอบหรือคำนามนั้นเอง

ยกตัวอย่างเช่น

  • I like English. ฉันชอบภาษาอังกฤษ
  • I like badminton. ฉันชอบกีฬาแบดมินตัน
  • I like cooking. ฉันชอบการทำอาหาร
  • I like cats. ฉันชอบแมว

และก็ยังมีอีกหลากหลายประโยคนะคะที่เราสามารถนำคำนามไปใช้ ถือว่าทุกๆประโยคในภาษาอังกฤษเนี่ยจะต้องใช้คำนามเกือบทุกประโยคเลยเพราะเนื่องจากว่าคำนามเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดและเป็นสิ่งที่คนพูดถึงมากที่สุด ดังนั้นคำนามมีความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษมากๆเลยค่ะ

งั้นวันนี้ เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับประโยคหรือวลีที่น่ารู้สำหรับคำนามนี้กันเลยว่ามีอะไรบ้าง

Image More examples of English Nouns in sentences

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะก็เป็นอะไรที่น่าใช้แล้วก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย ถือว่าเป็นเบสิกแต่ก็มีประโยชน์มากๆเลยสำหรับประโยคเหล่านี้

Common Noun - คำนามทั่วไป

Image of the difference between countable and uncountable nouns

คำนามสามารถแยกออกเป็นหลายประเภท

คำนามแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ใหญ่คือคำนามนับได้เราเรียกภาษาอังกฤษว่า Countable Noun และ คำนามนับไม่ได้เราเรียกภาษาอังกฤษว่า Uncountable Noun

ซึ่งคำนามนับได้สามารถแบ่งออกเป็นคำนามทั่วไป คำนามเฉพาะ คำนามแสดงกลุ่ม

และคำนามนับไม่ได้แบ่งออกเป็นวัตถุนามและนามธรรม

แต่สิ่งที่เราจะเรียนในขั้นพื้นฐานนี้คือ คำนามทั่วไป คำนามเฉพาะ วัตถุนาม

แต่ครั้งนี้เราจะมาเรียนเรื่อง Common Noun ก่อนหรือคำนามทั่วไปนั่นเอง

Image Deeper explanation of Common Nouns

คำนามทั่วไปคืออะไรบ้าง

คำนามทั่วไปก็คือคำที่ใช้เรียกแทนสิ่งของทั่วไปภาษาอังกฤษเรียกว่า Common Noun ซึ่งเป็นคำนามที่ไม่เจาะจง เป็นคำนามที่บอกถึงสิ่งต่างๆทั่วไปไม่เจาะจงว่าเป็นอันไหนหรือเป็นอันใดอันหนึ่ง เช่นสุนัข เวลาเราพูดว่าสุนัข เราไม่ได้หมายถึงสุนัขตัวใดตัวหนึ่งหรือสุนัขที่บ้านของเรา แต่เป็นสุนัขทั่วๆไป อาจจะบอกว่าฉันชอบสุนัขในทั่วๆไป ฉันเป็นคนชอบสุนัข 

อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับคำนามทั่วไปก็คือเป็นคำนามที่นับได้ ส่วนใหญ่แล้วจะมี คำนำหน้านาม ด้วยเช่น a/an/the

วันนี้เราลองนำคำนามทั่วไปมาฝึกใช้ในประโยคกันเถอะ ประโยคที่เราสามารถนำมาใช้ได้ ครูอิ๋มมีตัวอย่างมาให้ดู

Image example of nouns in sentences

และประโยคหรือวลีที่น่ารู้สำหรับการใช้คำนามทั่วไปมีดังต่อไปนี้เลยค่ะ

Image examples of nouns in sentences Part 2

การฝึกพูดประโยคเหล่านี้นั้นมีความจำเป็นมากๆและสามารถทำให้บ่งบอกถึงข้อมูลส่วนตัวของเราที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ฟังได้ ฝรั่งชอบพูดกันเรื่องนี้เวลาที่เขาสนิทกัน แล้วเขาจะชอบถามว่าบ้านของคุณเป็นแบบไหน

Proper Noun - คำนามเฉพาะ

ต่อมาเรามาพูดถึงคำนามเฉพาะกันเถอะ

คำนามเฉพาะหรือภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Proper Noun ซึ่งจัดอยู่ในหมวดของคำนามนับได้

คำนามเฉพาะ คือคำนามที่ถูกกำหนดให้เป็นชื่อเฉพาะของคนสัตว์สิ่งของหรือสถานที่ตั้งนั้น ทุกๆคำนามส่วนใหญ่แล้วจะมีการตั้งชื่อหรือมีชื่อเฉพาะของตัวเองอยู่ เช่นชื่อของเรานั่นเองเพราะเราเป็นคนถูกไหม 555

Image example of Proper nouns in English Grammar

คำนามเฉพาะ จะต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ เพราะว่ามันเป็นชื่อเฉพาะ เช่นชื่อของเรา ครูอิ๋ม Kru Eim ก็จะต้องเป็นตัว E ตัวใหญ่นะคะ หรือชื่อและนามสกุลของเราก็จะเป็นตัวอักษรตัวแรกตัวใหญ่ขึ้นต้น

และคำนามเฉพาะนี้จะไม่มีคำนำหน้านามหรือ Articles

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคำเสมอไป มันอาจจะมีคำเฉพาะหรือที่เค้าตั้งชื่อไว้เป็นชื่อสถานที่หรือชื่อบางชื่อที่เราจะต้องมี the นำหน้า แต่ว่าเราจะไปเรียนในบทเรียนเรื่องคำนำหน้านามในหัวข้อเรื่อง Articles ก็สามารถไปเรียนรู้ได้ที่โพสต์นั้นๆ ได้เลย

Image example of Proper nouns in English Grammar Part 2 Dialogue

ส่วนประโยคหรือวลีที่น่ารู้ของการใช้คำนามเฉพาะนั้นเราสามารถพูดถึงชื่อเล่นของเราชื่อของเรา ยี่ห้อรถที่เราขับหรือยี่ห้อแบรนด์ต่างๆที่เราใช้ได้ แต่ง่ายที่สุดเลยเราสามารถพูดถึงเดือนเกิดของเราเพราะว่าคำว่า month  แปลว่าเดือน แต่คำเฉพาะของมันคือคำว่า มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม จนถึงเดือนธันวาคมเลย เป็นเรื่องง่ายๆที่อยู่ใกล้ตัวเรา เราสามารถฝึกพูดหรือฝึกจำศัพท์เหล่านั้นให้ได้ รวมถึงการบอกว่าเราอาศัยอยู่ในทวีปไหนซึ่งเป็นอะไรที่เราควรรู้ภูมิศาสตร์ถึงแม้ว่าครูอิ๋มอาจจะสอบตกภูมิศาสตร์ก็เถอะ อิอิ

แล้วก็ชื่อสถานที่ต่างๆที่ถูกตั้งไว้แล้ว เช่นห้างสรรพสินค้า เราจะไม่ค่อยเรียกว่าห้างสรรพสินค้าแต่เราจะเรียกชื่อห้างนั้นๆเลย เช่น เซ็นทรัล สยามพารากอน เดอะมอลล์ เป็นต้น ชื่อต่างๆนี้คือคำนามเฉพาะทั้งสิ้น 

Countable Noun - คำนามนับได้

มาถึงเรื่องคำนามนับได้กันบ้างนะคะจริงๆสิ่งที่เราพูดไปแล้วนั้นก็ถือว่าอยู่ในหมวดของคำนามนับได้ แต่วันนี้เราจะพูดให้เห็นภาพมากขึ้นว่านามนับได้นั้นคืออะไร

Image example of countable nouns in English grammar Parts of Speech

ประโยคและวลีที่น่ารู้สำหรับคำนามนับได้ ขอแนะนำเป็นคำว่า there is, there are ซึ่งจริงๆแล้วคำนี้ภาษาไทยแปลว่า “มี” แต่ว่า แต่ว่า.. มันแตกต่างกับคำว่า have, has เลย เพราะว่า there is, there are ใช้บรรยายสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเราว่ามีอะไรบ้าง ดังนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีใครเป็นเจ้าของ แค่อยากจะบอกคนฟังว่าเนี่ยสิ่งที่ฉันเห็นมันมีอะไรบ้างอยู่รอบๆ เช่นคำว่า There is a car over there. ซึ่งแปลว่ามีรถคันหนึ่งอยู่ตรงนั้น แต่เราไม่ได้บอกเลยว่าใครเป็นเจ้าของ หรือใครมีรถอยู่ตรงนั้นแต่เป็นสิ่งที่เราเห็นว่ามันอยู่รอบๆหรืออยู่ตรงที่เราเห็นนั่นเอง

แต่คำว่า have,has  เป็นการบอกว่ามีแต่จะต้องมีประธานซึ่งเป็นผู้ที่เป็นเจ้าของ หรือมีสิ่งใด เช่น I have a car.  แปลว่าฉันมีรถหนึ่งคันซึ่งฉันเองนั่นแหละที่เป็นเจ้าของดังนั้น there is, there are แตกต่างกับคำว่า have,has

Singular & Plural Noun - คำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์

นามเอกพจน์และนามพหูพจน์ ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Singular คือนามเอกพจน์ Plural คือนามพหูพจน์

เหตุผลที่ต้องเรียนเรื่องนี้ก็เพราะว่าภาษาอังกฤษเนี่ยมันมีทั้งสิ่งที่เป็นหนึ่งเดียวคือเอกพจน์ และสิ่งที่มีมากกว่าหนึ่งก็คือพหูพจน์แยกหมวดหมู่ไปอีกไม่เหมือนภาษาไทยเลยดังนั้นเราจะต้องฝึกเยอะๆเกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ

ในเมื่อเรามีคำนามนับได้เราต้องแบ่งออกเป็นสองประเภทอีกด้วยว่ามันนับได้เป็นเพียงแค่หนึ่งเดียวหรือมันนับได้แต่ว่ามีมากกว่าหนึ่งขึ้นไป

คำนามที่นับไม่ได้เราก็จะเป็นคำศัพท์ธรรมดาคือไม่มี s หรือ es ตามหลัง

แต่คำนามพหูพจน์ จะต้องเติม s,es หรือเป็นรูปอื่นๆเพื่อให้รู้ว่าคำๆนั้นมีมากกว่าหนึ่ง

Image Explains the difference between Singular and Plural Noun

ดังนั้นเราจะพูดถึงเรื่องของนามเอกพจน์ก่อนนะคะหน้าเอกพจน์คือคำนามที่มีหนึ่งเดียวมีชิ้นเดียวมีอันเดียวคำนี้นั้นจะไม่เติม s,es

ตัวอย่างคือ This is a hat. นี้คือหมวกใบนึง

That is a hat. นั้นคือหมวกใบนึง

ส่วนใหญ่เราก็จะใช้คำว่า this, that มาใช้ในประโยคเยอะเหมือนกัน

คำนามเอกพจน์ส่วนใหญ่แล้วจะมี a/an นำหน้า เพราะเป็นสิ่งที่จะบอกว่าคำนี้นั้นมีเพียงแค่หนึ่งเดียวและก็เป็นนามที่นับได้เพราะว่ามันนับได้เราถึงใช้ a/an บอกได้ว่าเป็นจำนวนหนึ่งเดียว

Image Example of Singular Noun phrases in English Grammar

Regular Plural Noun - คำนามพหูพจน์แบบปกติ

เรื่องต่อไปนี้คือคำนามพหูพจน์แบบปกติ หรือ Regular Plural Noun

เหตุผลที่บอกว่าเป็นคำนามพหูพจน์แบบปกติก็เพราะว่ามันมีแบบไม่ปกติด้วยแต่ว่าเราจะพูดถึงแต่เรื่อง คำนามแบบปกติก่อน

แบบปกติคืออะไร? ก็คือเวลามันมีมากกว่าหนึ่งมันก็จะเติมแค่ s หรือ es เท่านั้น ก็คือเขียนเหมือนเดิมแต่เติมเข้าไปหลังคำๆนั้น

แต่ภาษาอังกฤษมันก็มีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ว่าวิธีการเติมว่าเราจะเลือกเติม s หรือ es

 ก็จะต้องมีหลักการนิดนึงดังนี้

Image examples of Regular Plural Noun in English grammar Part 1
Image examples of Regular Plural Noun in English grammar Part 2

ตัวอย่างประโยคที่ใช้คำนามพหูพจน์ได้นั้นเราก็สามารถนำ this เปลี่ยนเป็น these แปลว่า เหล่านี้

หรือ that เปลี่ยนเป็น those แปลว่าเหล่านั้นมาใช้ได้ these กับ those จะใช้กับ คำนามพหูพจน์เท่านั้น

Image examples of Regular Plural Noun in English grammar Part 3

แม้ว่าจะเป็นคำนามพหูพจน์ที่เติม s หรือ es มันก็ยังไม่จบแค่นี้เพราะว่ามันจะมีคำบางคำ ที่คำลงท้ายบางตัวจะต้องเปลี่ยนคำเหล่านั้นให้เป็นคำอื่น หรือตัดออกแล้วเติม s หรือ es

มาดูเทคนิคเหล่านี้กันได้เลยค่ะ

Image Examples of Plural Nouns Ending with Y in Parts of Speech English Grammar
Image Examples of Plural Nouns Ending with f/fe in Parts of Speech English Grammar

Plural Noun -Changing Form - คำนามพหูพจน์แบบเปลี่ยนรูป

เรามาดูคำนามพหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปกันบ้าง

พอบอกว่าเปลี่ยนรูปนั้นหมายความว่าเราไม่ได้เติม s หรือ es แต่เราจะเปลี่ยนตัวสะกดจากเดิม การอ่านก็จะอ่านแตกต่างไปเลย

Image Shows how Plural Noun changes form

Uncountable Noun - คำนามนับไม่ได้

คำนามนับไม่ได้  ภาษาอังกฤษเรียกว่า Uncountable Noun

คือคำนามที่ไม่สามารถแยกนับได้เพราะว่ามีปริมาณ มากจนเกินไปหรือปกติเค้าจะไม่นิยมนับกันเป็นชิ้นเป็นอัน 

ตัวอย่างเช่น Air water milk Rice sugar hair

Image Explains Uncountable Noun in English Grammar

ประโยคหรือวลีที่น่ารู้เราสามารถนำไปใช้กับการถามคนอื่นว่าคุณชอบดื่มอะไรหรือคุณชอบเครื่องดื่มอะไรก็ได้ ซึ่งก็เป็นอะไรที่สามารถถามฝรั่งได้หรือว่าถามเพื่อนเราได้

Image Examples of Uncountable Noun phrases

Possessive Noun - คำนามแสดงความเป็นเจ้าของ

นามแสดงความเป็นเจ้าของ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Possessive Noun

เป็นการบอกว่าใครเป็นเจ้าของอะไรโดยจะใช้สัญลักษณ์  ‘ (Apostrophe S) ซึ่งจะแปลว่า “ของ__”

เช่น Kru Eim’s phone. โทรศัพท์ของครูอิ๋ม

ซึ่งมีหลักการเติมดังนี้

Image Examples of Possessive Noun in English Grammar

ประโยคที่ใช้ในการถามว่าอันนี้ของใคร เราสามารถถามได้ว่า Whose is this? หรือถามว่าคำนามหรือสิ่งนี้เป็นของใคร เช่น โทรศัพท์นี้เป็นของใคร โดยใช้ Whose phone is this/that?

  • Whose__(noun)___is that/this? (อันนั้น/อันนี้ของใคร?)
  • This/That is my ______’s ______ (นี้/นั้นคือ___ของ_____)
  • Is it yours? (มันใช่ของคุณไหม)
 
เรื่องคำคุณศัพท์นั้นอยู่ในหัวข้อเรื่อง Parts of Speech (ชนิดของคำ) ซึ่งมีอยู่ 8 ชนิด
 
 

หากใครที่สนใจอ่านบทความเกี่ยวกับแกรมม่าภาษาอังกฤษหรือทริคการใช้ภาษาอังกฤษอื่นๆ สามารถติดตามได้ที่ Social Media (ดูด้านล่าง)

Picture of Kru Eim

Kru Eim

ครูอิ๋ม ปัจจุบันเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษที่มีประสบการณ์สอนมากกว่า 14 ปี และเป็นเจ้าของเพจ Master Student ผลิตสื่อวีดีโอสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้กับนักเรียนในประเทศไทยและนักเรียนจากทั่วโลก ซึ่งครูอิ๋มจบการศึกษาเกี่ยวการการสอนโดยตรงในระดับปริญญาโท สาขาวิชาสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ (TEFL) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรี